หลักการผ่าตัดเสริมนม เสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมนม เสริมหน้าอก เป็นที่นิยมมานานหลายสิบปี ยิ่งในปัจจุบันมีวิวัฒนาการมากขึ้นหญิงสาวทั้งหลายจึงหันมาทำการเสริมหน้าอก เสริมนมมากขึ้น
ในอดีตเคยมีการใช้สารแปลกปลอมชนิดต่าง ๆ ฉีดเข้าไปในหน้าอกเพื่อเพิ่มขนาด เริ่มตั้งแต่การใช้น้ำมันพาราฟิน ซิลิโคนเหลว ฟิวเลอร์ เป็นต้น ซึ่งผลการฉีดในระยะแรก ๆ ก็ดูเป็นที่น่าพอใจ และดูสวยขึ้นมาทันที จึงเป็นที่นิยมกันในอดีต แต่พอหลังจากฉีดไปสักระยะหนึ่งจะมีผลข้างเคียง อย่างรุนแรงเช่น มีการอักเสบ มีการติดเชื้อ มีการบิดเบี้ยว มีการเสียรูปทรง หลังจากนั้นก็เป็นก่อนแข่งที่เต้านมและเต้านมก็เกิดการเน่าตามมา ซึ่งการรักษาคือต้องตัดเนื้อเต้านมออกทั้งหมด ซึ่งสารดังกล่าวข้างต้นจึงถือเป็นสารต้องห้ามสำหรับการฉีดเพื่อเสริมหน้าอกในปัจจุบันและผิดกฎหมายด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันนี้วิธีการเพิ่มขนาดหน้าอกที่เป็นที่ยอมรับกันและมีผลข้างเคียงน้อยก็คือ การเสริมหน้าอกด้วยถุงนมเต้านมเทียม หรือที่เรียกว่า เสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคน ด้วยวิธีการผ่าตัดนั่นเอง วิธีการผ่าตัดชนิดนี้มีมาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งการผ่าตัดเสริมหน้าอก เสริมนมด้วยถุงซิลิโคนคนเต้านมเทียมสามารถทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นและสามารถแก้ไขปัญหาหน้าอกคล้อยหย่อนไปรวมด้วย ซึ่งปัญหานี้เกิดในคนที่มีบุตรหรือหลังคลอดบุตรซึ่งสามารถแก้ไขให้กลับมามีทรวดทรงที่ดูงดงามมากขึ้น
หลักการในการเลือกและตัดสินใจที่จะทำการผ่าตัดเสริมหน้าอก เสริมนม
1) ต้องเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง และเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
- https://find.plasticsurgery.org/?q=Thailand
- http://www.isaps.org/find-a-surgeon/profile/3438/
- http://www.plasticsurgery.or.th/lst_name.php?parm1=ท
เนื่องจากว่าการปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีความเชี่ยวชาญ จะได้ทราบรายละเอียดที่ถูกต้องเกี่ยวกับการผ่าตัด การเลือกชนิดของถุงนมเทียม ลักษณะของแผลผ่าตัด และวิธีการดูแลย่างละเอียด รวมทั้งตรวจดูเต้านมเดิมว่ามีก้อน หรือลักษณะที่ผิดปกติหรือไม่ และนอกจากนี้ทางศัลยแพทย์ตกแต่งก็ต้องตรวจร่างกายเพื่อดูความ เหมาะสมของเนื้อเต้านมที่จะทำการเสริมหน้าอก เสริมนม ด้วยถุงซิลิโคนเพื่อให้ได้ทรงที่ออกมาตามต้องการและนอกจากนั้นหมอก็จะวัดขนาดของหน้าอกเดิมเพื่อประเมินขนาดของถุงนมเทียมที่เหมาะสมกับหน้าอกของคุณ และลดการเกิดผลแทรกซ้อนในระหว่างการผ่าตัดและหลังการผ่าตัด
2) มีวิสัญญีแพทย์ประจำโรงพยาบาลเอเซียโดยเฉพาะ เนื่องจากว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ถูกต้องจะต้องมีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลเรื่องการดมยาสลบ การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการระงับความรู้สึกขณะผ่าตัดหรือการดมยาสลบซึ่งท่านจะได้รับคำแนะนำจากวิสัญญีแพทย์ การผ่าตัดเสริมหน้าอกแบบระงับความรู้สึกโดยมาตรฐานการระงับความรู้สึกต้องทำภายใต้การระงับความรู้สึกโดยวิสัญญีแพทย์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดและลดโอกาสการเกิดการขาดอากาศหายใจทั้งขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัดได้มาก
3) ต้องมีอายุรแพทย์และอายุรแพทย์หัวใจคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยของการผ่าตัดและการให้ยาทั้งหมด ซึ่งทางอายุรแพทย์หัวใจจะประเมินร่างกายต่อการผ่าตัดว่าแข็งแรงพอไหม มีโรคประจำตัวอะไรบ้างที่เกี่ยวกับการดมยาสลบเพื่อผ่าตัด มีการตรวจเลือดตรวจร่างกายและ x Ray หลังจากนั้นทางอายุรแพทย์หัวใจจะมีการดูผลการตรวจเลือดและผลเอกซเรย์เพื่อประเมินความแข็งแรงก่อนการผ่าตัดเพื่อลดผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัดและหลังผ่าตัด
4) ถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน ในปัจจุบันถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน ที่ใช้จะเป็นซิลิโคนเจล ซึ่งมีความปลอดภัยโดยเฉพาะถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน ต้องได้รับมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาและของประเทศไทยถึงจะมั่นใจได้ว่าถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน นั้น มีความปลอดภัยและนอกจากนี้หลังการผ่าตัดจะต้องมีใบรับรองซิลิโคนถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน ให้กับคุณผู้หญิงหลังการผ่าตัดเสมอ และการเสริมหน้าอก เสริมนม ด้วยถุงนมเทียม หรือถุงซิลิโคน จะไม่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมและสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ
5) การผ่าตัดต้องทำในโรงพยาบาลซึ่งโรงพยาบาลต้องได้รับมาตรฐานสากลและมาตรฐานระดับโลกJCI ถึงจะมั่นใจได้ว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอก เสริมนม จะมีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่พึ่งพอใจอย่างสูงที่สุด จากโรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานสากลและมาตรฐานระดับโลก JCI จะมีเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆครบถ้วนปราศจากเชื้อซึ่งแตกต่างจากคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ไม่ได้รับมาตรฐาน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการเสริมหน้าอก เสริมนม จะต้องดูองค์ประกอบดังกล่าวข้างต้นจึงจะทำให้ทางท่านผู้หญิงทั้งหลายมั่นใจได้ว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอก เสริมนม จะได้ผลลัพธ์ออกมาที่ดีและปราศจากผลแทรกซ้อน